การพิสูจน์ความจริงใจ

การพิสูจน์ความจริงใจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีความยาก เนื่องจากความจริงใจเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจและไม่สามารถเห็นได้โดยตรง อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้บางวิธีหรือหลักการเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นในความจริงใจของเราหรือของผู้อื่นได้บ้างเช่น:

  1. ความตรงไปตรงมาในพูดจา: พยายามพูดอย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ตรงกับความคิดและความรู้สึกของเรา หลีกเลี่ยงการปลอมแปลงหรือกล่าวหาสิ่งที่ไม่เป็นจริง
  2. ความสอดคล้องระหว่างพูดและการกระทำ: สร้างความสอดคล้องระหว่างคำพูดและการกระทำของเรา เพื่อให้คนอื่นเชื่อว่าเราจริงใจและจะทำตามสิ่งที่เราพูด
  3. ความสอดคล้องกับค่านิยมและหลักธรรมชาติ: ให้ความสำคัญกับค่านิยมและหลักธรรมชาติที่เราเชื่อถือ และปฏิบัติตามเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจะส่งผลให้คนรอบข้างมีความเชื่อมั่นในความจริงใจของเรา
  4. การเป็นตัวของเราเอง: รู้จักตัวเราเองอย่างแท้จริงและไม่ปลอมแปลงตัวตน เราควรเชื่อในความคิดและความรู้สึกของเราเองและแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาตามที่เราเชื่อ
  5. ความไว้วางใจและเวลา: การสร้างความไว้วางใจและให้เวลาให้กับคนอื่นเป็นสิ่งสำคัญในการพิสูจน์ความจริงใจ การสร้างความไว้วางใจให้กับผู้อื่นและให้เวลาให้กับผู้อื่นเพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงออกถึงความจริงใจของพวกเขาได้

การพิสูจน์ความจริงใจเป็นกระบวนการที่ต้องการเวลาและความไว้วางใจจากผู้อื่น อย่างไรก็ตามการทำความเข้าใจและการสร้างความไว้วางใจในระหว่างกันเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในความจริงใจของผู้อื่นและในตัวเราเอง

อุตสาหกรรมชีวิต

อุตสาหกรรมชีวิต

คำว่า “อุตสาหกรรมชีวิต” เป็นคำพูดที่ใช้ในบางกรณีเพื่ออธิบายการแข่งขันและการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของชีวิตและสังคม เช่น การทำงานที่หนักและระยำ, การพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ, การสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิต, การแข่งขันเพื่อความสำเร็จเป็นต้น

ในบางครั้ง “อุตสาหกรรมชีวิต” อาจหมายถึงการก้าวสู่การพัฒนาและการเติบโตในด้านต่างๆ ของชีวิต เช่น การพัฒนาทักษะและความรู้, การเสริมสร้างสุขภาพทางกายและจิตใจ, การสร้างความสำเร็จในการงานหรือชีวิตส่วนตัว เป็นต้น

การอ้างถึง “อุตสาหกรรมชีวิต” อาจเกี่ยวข้องกับการใช้ปัจจัยต่างๆ ในชีวิต เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ, เทคโนโลยี, ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างผลผลิตหรือบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิตและการทำงานในรูปแบบที่มีประสิทธิผลมากขึ้น

อุตสาหกรรมชีวิตสามารถครอบคลุมหลายด้านของชีวิต เช่น การผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า, การให้บริการ, การนำเข้าและการส่งออก, การเกษตร, การศึกษา, การสื่อสาร, การท่องเที่ยว, การดูแลสุขภาพ, การบันเทิง เป็นต้น

สรุปได้ว่า “อุตสาหกรรมชีวิต” เป็นคำที่ใช้ในบางกรณีเพื่ออธิบายการพัฒนาและการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของชีวิตและสังคม โดยเน้นการใช้ปัจจัยต่างๆ เพื่อสร้างผลผลิตหรือบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น และการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในสังคมและสภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

คนดีต่างกับคนชั่วอย่างไร

คนดีและคนชั่วมีความแตกต่างกันอย่างมาก

นี่คือบางคุณสมบัติที่อาจช่วยให้เห็นความแตกต่างระหว่างคนดีและคนชั่ว:

  1. ค่านิยมและจริยธรรม: คนดีมักมีค่านิยมที่ดีและจริยธรรมที่มีมากขึ้น พวกเขาอาจมีค่านิยมที่เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความเท่าเทียม และความช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะที่คนชั่วอาจไม่ใส่ใจกับค่านิยมหรือจริยธรรมและมักมีแนวโน้มที่จะละเว้นหรือละเว้นความชอบธรรมในการปฏิบัติตนเอง
  2. การกระทำ: คนดีมักมีพฤติกรรมที่ดีและเก่งกาจในการกระทำที่ช่วยเพิ่มคุณค่าและสร้างสรรค์สิ่งดีๆในโลกรอบตัว พวกเขาอาจเป็นคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นแก่ผู้อื่น ช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยหรือยากไร้ หรือทำกิจกรรมทางอาสาเพื่อสังคม ในทางตรงกันข้าม คนชั่วอาจมีพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การก่อกวน การทำร้ายผู้อื่น การโกหกหรือการละเมิดกฎหมาย
  3. มุมมองต่อสังคม: คนดีมักมองหาวิธีที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีและสร้างความเป็นสันติสุข พวกเขาเคารพสิทธิมนุษยชนและต่อองค์กรหรือกฎหมายที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพ ในทางกลับกัน คนชั่วอาจมีมุมมองที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่เคารพกฎหมาย หรือเป็นอันตรายต่อสังคม
  4. การดูแลส่วนตัว: คนดีมักมีการดูแลส่วนตัวที่ดีและรับผิดชอบต่อตนเอง พวกเขาใส่ใจในสุขภาพทางกายและจิตใจของตนเอง พวกเขาเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คนชั่วอาจมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพของตนเองหรือให้ความสำคัญกับการดูแลส่วนตัวน้อยลง
  5. การเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้: คนดีมักมีจิตสำนึกและเปิดรับการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะเรียนรู้จากประสบการณ์และพัฒนาตนเองเพื่อเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น ในขณะที่คนชั่วอาจมีแนวโน้มที่จะยึดมั่นในความคิดหรือพฤติกรรมที่เสียหายและไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม การหาคนดีหรือเพื่อนคู่ดีนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการสำรวจและพิจารณาผู้คน จำไว้ว่าบุคคลที่เหมาะสมและดีต่อคุณอาจมีลักษณะและคุณสมบัติที่ต่างกันไป ควรจะให้เวลาและพิจารณาตามค่านิยมและความต้องการส่วนบุคคลของคุณเองเพื่อหาคนที่เหมาะสมและนำความสุขมาให้แก่คุณในทางที่ดีที่สุด

การแสดงพฤติกรรมของคนรอบข้าง

การแสดงพฤติกรรมของคนรอบข้าง

การแสดงพฤติกรรมของคนรอบข้างมีผลต่อเราในหลายด้านของชีวิต นี่คือสาเหตุและผลที่อาจเกิดขึ้น:

  1. ผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึก: พฤติกรรมของคนรอบข้างสามารถส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของเราได้ ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่เชื่อมโยงกับความปรารถนาดีหรือการสนับสนุน เช่น การยืนกรานให้กำลังใจ เราอาจรู้สึกมีกำลังใจและมีความสุข ในทางกลับกัน ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่ไม่เป็นกันเองหรือที่ไม่สนับสนุน เช่น การวิจารณ์หรือการเลียนแบบพฤติกรรมเสีย เราอาจรู้สึกท้อแท้หรือเสียหายใจ
  2. การมองเห็นและการเรียนรู้: พฤติกรรมของคนรอบข้างสามารถส่งผลต่อมุมมองและการเรียนรู้ของเรา ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่เชื่อมโยงกับความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ เช่น การแบ่งปันความรู้ การให้ข้อมูลใหม่ เราอาจได้รับข้อมูลและแง่มุมใหม่ ที่เป็นประโยชน์ ในทางกลับกัน ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการคิดเชิงลบหรือการละเมิด เช่น การเสียดสีหรือการหยาบคาย เราอาจได้รับสิ่งที่ไม่ดีและมองเห็นในแง่ลบ
  3. การสร้างสัมพันธ์: พฤติกรรมของคนรอบข้างมีผลต่อความสัมพันธ์ของเรากับพวกเขา ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่สร้างสรรค์และสนับสนุน เช่น การให้คำปรึกษา การเอาใจใส่ เราอาจสร้างความสัมพันธ์ที่มีความร่วมมือและเสริมสร้าง ในทางกลับกัน ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์หรือการมีทัศนคติเชิงลบ เช่น การพูดจาหยาบคาย การขัดแย้ง เราอาจสร้างความขัดแย้งและความไม่พอใจ
  4. การผลักดันและความกระตือรือร้น: พฤติกรรมของคนรอบข้างอาจมีผลต่อการผลักดันและความกระตือรือร้นของเรา ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่ส่งผลเชิงบวกและเป็นกำลังใจ เช่น การพูดถึงความสำเร็จ การสร้างแรงจูงใจ เราอาจได้รับกำลังใจและความกระตือรือร้นในการดำเนินชีวิต ในทางกลับกัน ถ้าคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมที่เป็นกำลังกายหรือการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การท้าทายเข้ามาอย่างเจ็บปวด เราอาจถูกผลักดันให้ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมหรือประสบความเสียหาย

การแสดงพฤติกรรมของคนรอบข้างมีผลต่อเราอย่างมาก เราอาจไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของคนรอบข้างได้ แต่เราสามารถทำตัวให้มีความรู้สึกและการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพฤติกรรมเหล่านั้น การสร้างความตระหนักและการเลือกตอบสนองให้เหมาะสมสามารถช่วยให้เราสร้างความสมดุลและความสุขในชีวิตได้

ความสมดุลในชีวิต

ความสมดุลในชีวิต

ความสมดุลในชีวิตหมายถึงการสร้างสมดุลทางกายภาพและจิตใจในทุกด้านของชีวิตของเรา เมื่อเรามีความสมดุล เราสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในทุกด้านของชีวิตได้ นี่คือสิ่งที่เราสามารถทำเพื่อสร้างความสมดุลในชีวิต:

  1. การดูแลสุขภาพกาย: การรักษาสุขภาพกายที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความสมดุลในชีวิต สามารถทำได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกทานอาหารที่เป็นโภชนาการ พักผ่อนให้เพียงพอ และปรับการนอนให้มีคุณภาพที่ดี
  2. การพักผ่อนและการจัดการกับความเครียด: การให้เวลาให้ตนเองในการพักผ่อนและส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความสมดุลในชีวิต อาจทำได้โดยการฝึกสมาธิ การทำโยคะ การอ่านหนังสือหรือกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
  3. การเลือกใช้เวลาอย่างมีสติ: การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสมดุลในชีวิต สามารถทำได้โดยการกำหนดลำดับความสำคัญในกิจกรรมที่ต้องทำ และให้เวลาให้เพียงพอในแต่ละด้านของชีวิต เช่น งาน ครอบครัว เพื่อน ส่วนตัว เป็นต้น
  4. การสร้างความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว: ความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวมีความสำคัญ เราควรมีเวลาที่เพียงพอในการทำกิจกรรมที่เรารักและทำให้เรามีความสุข เช่น การทำงานที่มีความสุข การมีเวลาสำหรับครอบครัวและเพื่อน เป็นต้น
  5. การตั้งเป้าหมายและการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว: การตั้งเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าของเราเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสมดุลในชีวิต เราควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในด้านต่างๆ เช่น การวางแผนอนาคตทางอาชีพ การพัฒนาทักษะ การให้ความสำคัญกับครอบครัวและความสุขส่วนตัว เป็นต้น
  6. การรักษาความสมดุลระหว่างสัมพันธ์ส่วนตัว: การรักษาความสมดุลระหว่างความรักและความใส่ใจกันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ควรให้เวลาและความใส่ใจกับคนที่เรารักและรับความรักกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน

ความสมดุลในชีวิตไม่ได้หมายความว่าทุกด้านของชีวิตต้องเป็นไปในสัดส่วนเท่าๆ กัน เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการ

การปล่อยวาง คืออะไรทำไมต้องปล่อยวาง

การปล่อยวาง

การปล่อยวางหมายถึงการปล่อยความคาดหวัง ความกังวล หรือความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์หรือผลลัพธ์ที่เราไม่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงได้ เราทำการปล่อยวางเพื่อให้ได้รับสภาวะความสงบ และความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุผลที่เราควรปล่อยวาง

  1. การลดความกังวล: เมื่อเราพยายามควบคุมสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ผลลัพธ์ที่ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง เราจะเจอกับความกังวลและความผิดหวัง การปล่อยวางช่วยลดความกังวลและอย่างไรก็ตามอนุญาตให้เรามองเห็นสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันและรับมือกับสถานการณ์อย่างมีสติ
  2. การรับรู้ความไม่แน่นอน: ชีวิตไม่มั่นคงและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การปล่อยวางช่วยให้เรายอมรับและรับรู้ความไม่แน่นอนในชีวิต แทนที่จะติดตัวกับความคาดหวังและการควบคุมทุกสิ่ง
  3. การเสริมสร้างความยืดหยุ่น: การปล่อยวางช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและปรับเปลี่ยนในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง มันช่วยให้เราสามารถทำงานร่วมกับสถานการณ์ใหม่ และหาทางแก้ไขหรือปรับปรุงในกรณีที่จำเป็น
  4. สุขภาพจิตที่ดี: การปล่อยวางช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เมื่อเรายอมรับและปล่อยวางสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เราสามารถมองหาวิธีในการรับมือและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีสติ และเสริมสร้างความสุขและความพึงพอใจในชีวิตของเรา

ความหมายของการปล่อยวาง

การปล่อยวางไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมรับสถานการณ์ทุกอย่างโดยไม่ทำอะไร แต่เป็นการรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในชีวิต และเลือกที่จะปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ให้เหมาะสม ปล่อยวางช่วยให้เรามีความสุขและความเป็นอิสระในการตัดสินใจและแสวงหาความสำเร็จในทางที่เหมาะสมกับเราเอง

ตัวอย่างการปล่อยวาง

นี่คือตัวอย่างของการปล่อยวางในสถานการณ์ที่ต่างๆ ที่เราอาจพบเจอในชีวิตประจำวัน:

  1. การลงโทษตนเอง: เมื่อเราทำผิดหรือทำไม่สำเร็จตามคาดหวัง เราอาจมีแนวโน้มที่จะตักเตือนตนเองหรือกังวลว่าเราไม่ควรทำผิด ในการปล่อยวางในกรณีนี้ เราสามารถยอมรับว่าเราทำข้อผิดพลาดและเรียนรู้จากมันได้ แล้วจากนั้นเราสามารถปรับตัวและดำเนินต่อไปในทางที่ถูกต้อง
  2. การพบกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้: เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การติดต่อธุรกิจที่ล่าช้า เราอาจมีแนวโน้มที่จะกังวลและทำให้เราเสียเวลาและพลาดโอกาส ในการปล่อยวาง เราสามารถยอมรับว่าเราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เหล่านี้ได้ และเน้นในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ เช่นการตัดสินใจและการปรับแผนเพื่อให้เราทำเต็มที่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
  3. ความผิดหวังในความรักหรือความสัมพันธ์: เมื่อความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวังหรือเสียเปรียบ เราอาจมีแนวโน้มที่จะยึดติดกับความผิดหวังและกังวลว่าเราไม่ควรเสียเวลากับสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ในการปล่อยวาง เราสามารถยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนและทุกความสัมพันธ์ที่จะเข้าข้างเรา และเราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้และเน้นที่ความสัมพันธ์ที่ดีกว่าในอนาคต
  4. การเปลี่ยนงานหรือการเปลี่ยนสถานที่ทำงาน: เมื่อเราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนสถานการณ์ในการทำงาน เช่นการเลิกงานหรือการย้ายที่อยู่ เราอาจมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ในการปล่อยวาง เราสามารถเตรียมตัวและปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ เราสามารถเรียนรู้ใหม่และพัฒนาทักษะใหม่เพื่อเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่

การปล่อยวางไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรมีความรับผิดชอบหรือไม่ห่วงใย แต่เป็นการยอมรับว่ามีสิ่งบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้และเลือกที่จะตอบสนองและปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เหมาะสม นี่เป็นการให้เรามีความสงบและความสุขในชีวิตที่มีความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

ชี้เป้า 10 ยี่ห้อน้ำปลาร้าสุดนัว อร่อยโดนใจสายแซ่บ

บทความจาก

https://promotions.co.th/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94/fermented-fish-sauce.html

1. แซ่บไมค์
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้าแซ่บไมค์ หอมกลิ่นปลาร้า ทำอาหารได้หลายเมนู ภาพจาก zabmike.com

เริ่มกันที่น้ำปลาร้าปรุงสุกของนักร้องขวัญใจคนจนอย่าง “ไมค์ ภิรมย์พร” ที่หันมาเอาดีทางด้านการค้า โดยส่ง “น้ำปลาร้าไมค์เผ็ด” ออกสู่ตลาดและได้รับความสนใจจากสายแซ่บ บีใสนัวมาก เพราะด้วยรสชาติที่กลมกล่อมจากน้ำกระเทียมดอง กลิ่นหอมอ่อนๆ และผ่านการฆ่าเชื้อด้วยวิธีพาสเจอร์ไรส์ จึงมั่นใจได้เรื่องความสะอาด (ราคา 35 บาท)

2. ตำมั่ว
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
ตำมั่ว น้ำปลาร้าปรุงรสที่ให้รสชาติเข้มข้น อร่อยกำลังดี ภาพจาก ตำมั่ว ต้นตำรับ

ร้านอาหารอีสานชื่อดังอย่าง “ตำมั่ว” ก็ไม่วายที่จะขยายธุรกิจสู่ตลาดน้ำปลาร้าด้วย “น้ำปลาร้า ต้มปรุงรส” ที่ให้รสชาติเหมือนที่ขายในร้าน ด้วยสูตรต้นตำรับเป็นสูตรเฉพาะที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ การันตีด้วย อายุสูตรกว่า 30 ปี และผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ทำให้ได้น้ำปลาร้าเข้มข้น ใช้ปรุงรสอาหารได้ทุกชนิด มันอร่อย. เผ็ดนัวแน่นอน (ราคา 37 บาท)

แหล่งช้อป : Tops online

3. อีสานพาสวบ
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
ใช้ปลากระตักและกะปิเป็นส่วนผสมหลัก จึงกลิ่นและรสเข้มข้น ภาพจาก ปลาร้าอีสานพาสวบ เพจหลัก

มากันต่อที่ “น้ำปลาร้าอีสานพาสวบ” อีกหนึ่งแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี นอกจากน้ำปลาร้ายี่ห้อนี้จะผลิตในโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน GMP และ HACCP รวมถึงได้รับการรับรองจาก อย. จึงสะอาดถูกหลักอนามัย มั่นใจในความปลอดภัย สูตรน้ำปลาร้า ที่นี่ยังใช้ปลากะตักเป็นส่วนประกอบหลัก จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และกะปิ จนได้น้ำปลาร้าที่มีรสชาติเข้มข้น เหมาะสำหรับใส่ส้มตำ ซุปหน่อไม้ ยำ หรือแกงที่กรอบมากๆ (ราคา 40 บาท)

แหล่งช้อป : Shopee

4. น้ำปลาร้า สุนารี
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้าปรุงรสของคุณแม่สุนารี มีกลิ่นหอมและรสกลมกล่อม ภาพจาก บ้านสุนารี น้ำปลาร้าสุนารี

เจ้าแม่ลูกทุ่งดัง สุนารี ราชสีมา ขอส่งน้ำปลาร้ารสแซ่บที่ได้จากปลากระดี่และปลาน้ำจืดไปเสิร์ฟถึงหน้าประตูบ้าน แอบติดหวานเล็กน้อยทำให้เพิ่มความกลมกล่อมให้กับเมนูต่างๆโดยไม่ต้องใส่ผงชูรส จนยกให้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่ควรพลาด (ราคา 35 บาท)

แหล่งช้อป : Shopee

5. น้ำปลาร้าแม่อิพิม
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้าต้มสุก รสชาติสุดเข้มข้น ใส่ส้มตำหรือยำก็นัว ภาพจาก น้ำปลาร้าแม่อิพิม By พิมรี่พาย

เชื่อว่านาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง มีสินค้าภายใต้ชื่อ “แม่พิมพ์” ให้คุณได้เลือกชิมและลิ้มลองเมนูเด็ดมากมาย เช่น ผัดพริก หม้อไฟหม่าล่า น้ำพริกแมงดา หรือขนมจีน และหนึ่งในสินค้าที่สายแซ่บนัวต้องชอบคือน้ำปลาร้าแม่พิม ที่อร่อยและถูกปากมากเพราะมีรสออกเค็มเล็กน้อยทำให้คลุกกับอาหารอะไรก็อร่อย สำหรับใครที่กังวลเรื่องความสะอาดบอกเลยว่าหมดห่วง เพราะปรุงด้วยวิธีต้มจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย (ราคา 53 บาท)

แหล่งช้อป : Shopee

6. น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรส ตราแม่บุญล้ำ ทำได้ทั้งอาหารอีสานและอาหารเหนือ ภาพจาก Maeboonlam น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ

สำหรับ “น้ำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำ” เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสของเพชรดำฟู้ดส์ ทำจากปลาคุณภาพ 92% ผสมน้ำกระเทียมดองเล็กน้อย ทำให้น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำเข้มข้นทั้งรสและกลิ่น เวลาปรุงใส่น้ำปลาร้ายี่ห้อนี้นิดหน่อยก็อร่อยแล้ว ส่วนใครที่อยากได้น้ำปลาร้าสูตรเฉพาะ ก็มีน้ำปลาร้า ตราแม่บุญหลำ ให้เลือกซื้อ ทั้งสูตรดั้งเดิม สูตรส้มตำ หรือสูตรหอมกลิ่นปลาร้า (ราคา 25 บาท)

แหล่งช้อป : Shopee

7. น้ำปลาร้าปรุงรส Zeon
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้าคีโตรสนัว Zeon ใช้เกลือหิมาลัยในการหมัก ภาพจาก Zeon

ชาวคีโตไม่ควรพลาด น้ำปลาร้าปรุงรสภายใต้แบรนด์ Zeon ที่ทางแบรนด์คัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ทั้งลดส่วนผสมที่เป็นแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต จากนั้นใช้เกลือหิมาลายันซึ่งมีโซเดียมน้อยกว่าเกลือทั่วไปในการหมัก เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของคุณได้รับโซเดียมเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ แม้ว่ารสชาติของน้ำปลาร้าคีโตจะไม่เข้มข้นเหมือนน้ำปลาร้าทั่วไป แต่ดีต่อสุขภาพและดีต่อใจ (ราคา 69 บาท)

แหล่งช้อป : Lazada

8. แม่เหรียญ
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้าแม่เหรียญ ผ่านกระบวนการหมักเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีรสชาติและกลิ่นเข้มข้น

น้ำปลาร้าแม่เหรียญ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้รสชาติแบบอีสานแท้ๆ ด้วยรสชาติที่เข้มข้น และกลิ่นหอมของปลาร้าเต็มๆ ไม่แปลกที่หลายบ้านจะมีน้ำปลาร้าแม่อุ่นติดครัว ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นหมดไป เพราะได้รับการรับรองจาก อย. และโรงงานมีกระบวนการผลิตที่สะอาด มาตรฐาน GMP, HACCP อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ยังผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ด้วยความที่น้ำปลาร้าแม่แรงมีความเข้มข้นสูงเวลาปรุงจึงควรใส่แต่น้อย (ราคา 25 บาท)

แหล่งช้อป : Lazada

9. น้ำปลาร้านางฟ้า
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
น้ำปลาร้านางฟ้า อร่อยครบรสภายในขวดเดียว

น้ำปลาร้าเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่มีรสชาติเข้มข้นสะใจ จนหลายคนแอบยกให้เป็นเบอร์ 1 เมื่อทำเมนูส้มตำ เพราะแค่เหยาะน้ำปลาร้าแม่นางลงไปนิดหน่อยก็อร่อยแล้ว แถมยังมีกลิ่นหมอเย้ายวนให้อยากลิ้มลองอีกด้วย (ราคา 55 บาท)

แหล่งช้อป : Lazada

10. น้ำปลาร้าทิพ
น้ำปลาร้ายี่ห้อไหนอร่อย
แซ่บนัวได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพ กับน้ำปลาร้าทิพ ภาพจาก น้ำปลาร้าทิพ – TIP Fermented fish sauce

ปิดท้ายด้วยน้ำปลาร้าเพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐาน GMP และ HACCP ครบเครื่อง “น้ำปลารทิพย์” ที่นอกจากจะใช้เกลือหิมาลัยในกระบวนการหมักแล้ว ยังทำให้ลดโซเดียมลง 10% และเพิ่มความหวานจากสารทดแทน เป็นน้ำปลาร้าที่รสชาติอร่อยจากธรรมชาติและดีต่อสุขภาพ (ราคา 119 บาท)

หาซื้อได้ที่ไหน: Shopee

จบไปแล้วสำหรับ 10 ยี่ห้อน้ำปลาร้าที่หลายคนการันตีว่ารสชาติเข้มข้นเข้าได้กับทุกเมนูอาหาร แต่อย่างที่บอกน้ำปลาร้าก็ใช้เกลือเหมือนกัน ทำให้มีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง ดังนั้น เวลารับประทานเมนูที่ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้าควรรับประทานแต่พอดี และอย่าใส่ น้ำปลาร้า มากเกินไป เพื่อไม่ให้ไตทำงานหนักเกินไป

ปลากระดี่ คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง

ปลากระดี่ คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง

ปลากระดี่ (Betta splendens) ที่มา

ปลากระดี่ (Betta splendens) คือปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่มีรูปร่างสวยงามและมีการสะสมพันธุ์ที่พิเศษ. มักจะมีสีสันสวยงามบนลำตัวและประกายสีสดใส และเป็นที่นิยมในการเลี้ยงเป็นปลาเลี้ยงในถ้วยน้ำเล็ก ๆ หรือบ่อน้ำขนาดเล็ก.

เมื่อพูดถึงการทำอาหารที่เกี่ยวข้องกับปลากระดี่ นอกจากการให้อาหารแห้งพิเศษสำหรับปลากระดี่ที่สามารถซื้อได้จากร้านค้าสัตว์เลี้ยง ยังมีอาหารสดและอาหารจากเครื่องครัวที่คุณสามารถเตรียมได้ด้วยตนเอง. นี่คือ

เมนูที่สามารถทำได้กับปลากระดี่:

  1. อาหารแบบแช่เนื้อสด: คุณสามารถให้อาหารปลากระดี่ด้วยเนื้อสัตว์สด เช่น แมลงน้ำ (ด้วงกวน, ด้วงปลา, หนอนแมลง, หอยทาก), แมลงสาบ, แมงมุม, หรือตัวอ่อนของสัตว์น้ำต่าง ๆ. แต่ต้องระวังการให้เนื้อสดให้เป็นเวลาสั้นเพื่อป้องกันการเป็นเชื้อโรคหรือการเกิดการสลายทางเคมีในน้ำ.
  2. อาหารแห้งสำหรับปลากระดี่: มีอาหารแห้งที่พัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับปลากระดี่ สามารถซื้อได้ในร้านค้าสัตว์เลี้ยง อาหารแห้งสำหรับปลากระดี่มักประกอบไปด้วยตัวอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตและสภาพสมองของปลากระดี่.
  3. อาหารที่เตรียมจากเครื่องครัว: สามารถเตรียมอาหารสำหรับปลากระดี่จากเครื่องครัวได้ อาจประกอบไปด้วยอาหารเสริมเช่น ข้าวสวย, ผักสดที่บดละเอียด, และหอยแมลงภู่เต็มที่. อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบว่าอาหารเหล่านี้ปลอดภัยและไม่มีสารเคมีหรือเครื่องปรุงใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อปลากระดี่.

อย่างไรก็ตาม, การเลี้ยงปลากระดี่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ, สภาพน้ำ, และความต้องการของปลากระดี่แต่ละตัว ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ปลากระดี่ของคุณได้รับอาหารที่เหมาะสมและสมดุลย์

เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์ คนดัง

มีตัวหลักเป็นนักแสดงที่ทำงานในวงการบันเทิง แต่เบื้องหลังก็มีธุรกิจของตัวเอง พระเอกดังอย่าง “หม่ำ จ๊กมก, สุนารี ราชสีมา, ไมค์ ภิรมย์พร และ บัวขาว บัญชาเมฆ” เรียกได้ว่าทั้ง 4 คนนี้เป็นตัวเต็ง ของแวดวงนี้. งานในวงการแน่นโกยราคา ธุรกิจรายได้งาม

ทั้ง 4 คนมีธุรกิจเดียวกันคือขายน้ำปลาร้า วันนี้เราจะมาดูรายได้ต่อปีจากธุรกิจน้ำปลาร้าของพวกเขากันดังนี้

  • MUM หม่ำ จ๊กมก รายได้รวมปี 2563 32.9 ล้านบาท
  • สุนารี ของ สุนารี ราชสีมา รายได้รวมปี 2563 6.7 ล้านบาท
  • แซ่บไมค์ โดย ไมค์ ภิรมย์พร รายได้รวมปี 2564 อยู่ที่ 251.4 ล้านบาท
  • บัญชาเมฆ บัวขาว บัญชาเมฆ รายได้รวมปี 2563 10 ล้านบาท
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์
รวยแล้วรวยอีก! เปิดรายได้ธุรกิจน้ำปลาร้า หม่ำ-สุนารี-บัวขาว-ไมค์

ที่มา https://entertain.teenee.com/thaistar/234261.html

แกงรัญจวน

ที่มา แกงรัญจวน

แกงโบราณที่หาทานได้ยาก ที่มาของชื่อ “แกงรัญจวน” อีกหนึ่งอาหารพระราชทานของสวนสุนันทาที่ดัดแปลงมาจากเนื้อสัตว์ที่เหลือในแต่ละวัน กลายเป็นเครื่องเคียงที่มีชื่อใหม่เพราะในสมัยก่อนเจ้านายจะเสวยพระกระยาหารเพียงน้อยนิด แต่ละมื้อ บางครั้งเสวยเพียง 1-2 คำ ทำให้มีเนื้อมาก นั่นคือ ‘แก่งรัญจวน’ ซึ่งก็คือ ที่มาของชื่อนี้. โดยมีหม่อมเจ้าหญิงแย้มยวน สิงหรา เป็นผู้คิดค้นสูตร ซึ่งนิจ เลี่ยมอุไร บอกว่าวิธีทำไม่ยาก เคล็ดลับอยู่ที่การตำน้ำพริกให้ได้รสเผ็ดเปรี้ยวเค็ม นำเนื้อไปต้มจนนุ่ม ที่นี่อาจใช้เนื้อหมู จากนั้นใส่น้ำพริกกะปิที่โขลกไว้ลงไป ใส่ใบกระเพราลงไป ชิมรสตามรสปาก “ก่อนเสิร์ฟโรยหน้าเครื่องแกงด้วยใบโหระพาและพริกแดงอีกครั้ง จากนั้นคุณก็จะได้แกงกะหรี่ที่เข้าถึงอารมณ์จริงๆ”

วัตถุดิบ แกงรัญจวน

  • 500 กรัม กระดูกอ่อนหมู
  • ข่า 3 ชิ้น
  • 1 ตะไคร้
  • ใบมะกรูด 2 ใบ
  • 3 พริกขี้หนู
  • ใบโหระพาตามชอบ
  • น้ำตาล 1 ช้อนชา
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • 2 มะนาว
  • กระเทียม 5 กลีบ
  • กะปิย่าง 1 ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งแห้งตามชอบ


กระบวนการ ทำปรุงรส แกงรัญจวน

ขั้นตอนที่ 1

  1. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระดูกอ่อนหมู เคี่ยวประมาณ 30 นาที
    ขั้นตอนที่ 2
    2.น้ำพริกกะปิ โขลกกุ้งแห้ง กระเทียม กะปิย่าง พริกขี้หนูให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ มะนาว น้ำปลา
    ขั้นตอนที่ 3
    3.ตั้งน้ำหรือจะเป็นซุปก็ได้ ต้มให้เดือดอีกครั้ง น้ำต้มกระดูกอ่อน เทน้ำออก เอาเฉพาะเนื้อออก
    ขั้นตอนที่ 4
    4.รอให้เดือดใส่น้ำพริกกะปิ 3-4 ช้อนโต๊ะ หอมแดง กระเทียมทุบ ตะไคร้ ปรุงรสตามชอบ
    ขั้นตอนที่ 5
  2. โรยหน้าด้วยใบโหระพา แล้วปิดไฟ

น้ำปลาร้า ปรุงรสรัญจวนแบบผู้ดี